วันพุธที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2561

แนะแนว



ถ้าหากว่าสังคมนี้มีแต่คนดีจะเป็นอย่างไร สังคมไทยเรามีค่านิยมที่แปลก คือ คนไทยให้เกียรติคนเก่งมากกว่าให้เกียรติคนดี การให้เกียรติกับคนเก่งไม่ใช่สิ่งที่ผิด แต่คนไทยให้เกียรติคนเก่งมากเสียจนลืมคำนึงถึงพฤติกรรม ลืมคำนึงถึงการกระทำของคนเก่งว่าดีหรือไม่ดี ถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง เป็นไปตามแบบแผนความประพฤติปฏิบัติอันดีงามหรือไม่ กลายเป็นว่าคนในสังคมต้องการเป็นคนเก่งมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของสังคม เพื่อสนองความต้องการของตนเอง โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่รุนแรงตามมา คือ สังคมมีคนเก่งมากกว่ามีคนดี ทุกท่านครับการมีคนเก่งมากย่อมเกิดประโยชน์ต่อการก้าวไปข้างหน้าของประเทศ แต่กลับเป็นที่น่าเสียดาย ที่ภาพความเจริญก้าวหน้าของประเทศกลับต้องหยุดชะงักลงด้วยคนเก่งบางกลุ่ม คนเก่งเหล่านั้นกลับนำความเก่งที่คนในสังคมยกย่องมาข่มใส่กันเอง เอาความเก่งมาแสวงหาซึ่งประโยชน์ใส่ตนและพวกพ้องมากกว่าการแบ่งปันแก่ส่วนรวม สังคมนี้จึงเริ่มเสื่อมลงและล่าถอยลงหุบเหวของการโกงกิน การเอื้อประโยชน์อย่างมิชอบ ความเท่าเทียม ความยุติธรรมเริ่มมลายลง ความเก่งที่ระคนไปด้วยความเห็นแก่ได้ เห็นแก่มี ได้บิดเบือนการมองเห็นของคนในสังคมให้ผิดเพี้ยนไป คนในสังคมกลับมองว่าคนดีนั้นเป็นพวกอ่อนแอ คนดีโดนสายตาของสังคมหยามเหยียดศักดิ์ศรีอย่างไม่เหลือดี คนดีกลายเป็นคนที่ไร้ที่ยืนบนสังคม






สังคมในปัจจุบันจึงวุ่นวาย มีการแก่งแย่ง แข่งขันกันไม่สิ้นสุด เกิดความสับสนนานัปการขึ้นในสังคม เพราะมีแต่คนเก่งที่ไร้ซึ่งความเป็นคนดี ทุกท่านครับความเหิมเกริมของคนเก่งที่ขาดความดีประดับตัว ได้สร้างความเสื่อมแก่สังคมอย่างต่อเนื่อง จากจุดเล็กๆก็กลายเป็นช่องว่างที่กว้างใหญ่และเริ่มแผ่รัศมีไปอย่างไม่สิ้นสุด ทุกท่านครับการจะหยุดความเสื่อมถอยของสังคมได้นั้น เราต้องอาศัยคนดี คนดีที่มีความเก่งในตัว คนดีและมีความสามารถที่จะมารั้งสังคมที่เสื่อมขึ้นมาจากหุบเหวแห่งการโกงกิน การเอื้อประโยชน์อย่างมิชอบ เพื่อปรับให้กลายเป็นสังคมที่ดี มีความยุติธรรม มีความเสมอภาคแก่ทุกฝ่ายอย่างแท้จริง การเป็นคนเก่งแล้ว เราควรต้องเป็นคนดีด้วย สังคมจึงจะสงบสุข ดังคำกล่าวที่ว่า “คนดีคนเดียวย่อมทำให้โลกร่มเย็นได้” ฉะนั้นคนในสังคมจะต้องเริ่มปรับมุมมองใหม่ เราให้เกียรติคนดี เราส่งเสริมคนดีให้มีมากขึ้น สร้างที่ยืนให้คนดี มุ่งให้คนในสังคมหันมาทำความดีมากขึ้น ดังพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตอนหนึ่งว่า “คนเรานั้นต้องหมั่นทำความดีบ่อยๆ เพื่อให้จิตคุ้นชินกับความดี เพราะถ้าไม่ทำดี ก็จะเป็นการเปิดโอกาสให้ความชั่วเข้ามาแทรกแซงได้ง่าย” เมื่อเป็นคนดีแล้วก็มาพัฒนาความเก่ง พัฒนาความสามารถโดยอยู่บนพื้นฐานของจริยธรรม ศีลธรรมอันเป็นเครื่องหมายของคนดี






การจะเป็นคนดีของสังคมเราต้องรู้จักคุณสมบัติของคนดีในสังคมเสียก่อน ซึ่งเส้นทางสู่การเป็นคนดีสามารถกระทำได้ดังนี้ คือ คนดีต้องมีคุณสมบัติการกระทำ ๓ ประการ






ประการที่ ๑ การกระทำด้วยกาย เรียกว่า กายกรรม กล่าวคือ การกระทำในสิ่งที่ดี ไม่เบียดเบียนผู้อื่นให้เกิดความเดือดเนื้อร้อนใจ ประพฤติปฏิบัติตนให้อยู่ในกรอบของศีลธรรมและ จริยธรรมอันดีงาม กระทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่สังคม






ประการที่ ๒ การกระทำด้วยวาจา เรียกว่า วจีกรรม กล่าวคือ การพูดจาดี มีความ อ่อนหวาน ซื่อตรง พูดในสิ่งที่สร้างสรรค์ ไม่พูดปดหรือพูดหลอกลวงผู้อื่นให้หลงเชื่อเพื่อให้ได้มาซึ่ง ผลประโยชน์แก่ตน






ประการที่ ๓ การกระทำด้วยใจ เรียกว่า มโนกรรม กล่าวคือ การเป็นผู้มีความคิดด้วย จิตอันบริสุทธิ์ คิดในสิ่งที่ดีมีประโยชน์ คิดในทางที่สร้างสรรค์ ไม่คิดร้ายแก่ผู้อื่นเพียงเพราะ ผลประโยชน์






เมื่อคนในสังคมปฏิบัติตามคุณสมบัติการกระทำทั้ง ๓ อย่างครบถ้วนแล้ว ก็เกิดเป็นคุณค่าของคนดี เมื่อคนในสังคมมองเห็นคุณค่าของคนดี สังคมนั้นย่อมเต็มไปด้วย ผู้คนที่มีจิตใจโอบอ้อมอารี ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว มีความสามัคคีกลมเกลียวกัน ประกอบอาชีพที่สุจริต มีความขยันขันแข็งและยึดมั่นในศีลธรรม ส่งผลให้สังคมนั้นมีแต่ความผาสุก มีความเจริญก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว ทุกท่านครับ เมื่อมีคนดี สังคมย่อมดีตาม สังคมดีในอุดมคติจะเกิดขึ้นได้เมื่อทุกคนเข้าใจและเห็นพ้องกันว่า “เป็นคนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง”

วันพุธที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

อังกฤษ



ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ คำกริยาอังกฤษ

100 คํากริยาภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อยสุด

คำกริยาภาษาอังกฤษ




สุขศึกษา




โภชนาการกับสุขภาพ

การที่คนเราจะมีสุขภาพดีหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ อย่าง ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ภายใต้การควบคุมของตัวเอง ส่วนที่นอกเหนือการควบคุมมีน้อย เช่น กรรมพันธุ์ ดังนั้นถ้าเราควบคุมปัจจัยต่างๆ ได้เช่น การเลี้ยงดูตั้งแต่เด็ก การดำเนินชีวิตอย่างถูกต้อง คนส่วนใหญ่ช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อม ในครอบครัวมีความสงบสุขดีคือมีสุขภาพจิตดี และสิ่งที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ การเอาใจใส่เรื่องโภชนาการ ถ้าสามารถควบคุมสิ่งเหล่านี้ได้หมด สุขภาพดีถ้วนหน้าก็คงจะไม่เกินความเป็นจริง

โภชนาการ หมายถึง อาหารที่เรารับประทานเข้าไป แล้วร่างกายนำเอาไปใช้ เพื่อการทำหน้าที่อย่างสม่ำเสมอของอวัยวะที่สำคัญ เช่น หัวใจ ปอด เป็นต้น นอกจากนี้ยังนำไปใช้เพื่อสร้างความเจริญเติบโตของร่างกาย การซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย เราสามารถแบ่งอาหารออกเป็นประเภท โดยอาศัยหลักทางโภชนาการ ได้เป็นโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามิน เกลือแร่ และน้ำ ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการทำงานของร่างกายไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

โดยโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน เมื่อรับประทานเข้าไปร่างกายจะเผาผลาญทำให้เกิดพลังงานได้ ส่วนพวกวิตามิน เกลือแร่ และน้ำ จะเป็นองค์ประกอบที่มีความสำคัญในการทำให้วงจรการทำงานต่างๆ ของร่างกาย ดำเนินต่อไปได้เป็นปกติ ดังนั้นเราทุกคนถ้าหวังที่จะให้ร่างกายมีสุขภาพที่ดี ควรจะต้องสนใจที่จะเรียนรู้ และปฏิบัติตามวิธีการรับประทานอาหารให้ถูกหลักโภชนาการ ไม่มีใครมาช่วยท่านได้ ถ้าท่านไม่ลงมือปฏิบัติเอง

นอกจากนี้ควรรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ทุกคนควรชั่งน้ำหนักตนเองอย่างน้อยเดือนละครั้ง ถ้าผอมไปก็กินอาหารที่มีประโยชน์ น้ำหนักจะได้เพิ่ม ถ้าอ้วนไปก็กินให้น้อยลง ร่วมกับการออกกำลังกายให้มากขึ้น ไม่ละเลยตนเองถึงขั้นเกิดภาวะแทรกซ้อนจากอ้วน หรือผอมแล้ว

ความสำคัญของอาหารกับสุขภาพ

กิจกรรมของมนุษย์ในแต่ละวันจำเป็นต้องใช้พลังงาน และสารอาหารที่ร่างกายได้รับจากการรับประทานอาหารในแต่ละมื้อ การรู้จักเลือกรับประทานอาหารให้เหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย จะช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตอย่างเต็มที่สมบูรณ์ และมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง โภชนาการเป็นการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างอาหารกับกระบวนการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ และการเจริญเติบโตของสิ่งมีชีวิต หากสภาพร่างกายได้รับอาหารที่มีสารอาหารครบ และเพียงพอต่อความต้องการ ร่างกายสามารถนำสารอาหารเหล่านั้นไปใช้ได้อย่างเต็มที่ เรียกว่าภาวะโภชนาการที่ดี แต่ถ้าร่างกายได้รับสารอาหารที่ไม่ครบถ้วน และไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย จะเรียกว่าภาวะโภชนาการที่ไม่ดี หรือทุพโภชนาการ

ภาวะโภชนาการต่ำ เป็นสภาวะของร่างกายที่ขาดอาหาร ได้รับสารอาหารต่ำกว่าที่ร่างกายต้องการ หรือรับประทานอาหารไม่ได้เนื่องจากสาเหตุต่างๆ ทำให้เกิดโรคขาดสารอาหารภาวะโภชนาการเกิน เป็นสภาวะของร่างกายที่ได้อาหาร และสารอาหารเกินความต้องการของร่างกาย ทำให้เกิดการสะสมจนเกิดโทษแก่ร่างกาย

ผลทางร่างกายของภาวะโภชนาการ

ขนาดของร่างกาย ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อขนาดของร่างกาย ได้แก่ พันธุกรรม และสิ่งแวดล้อม พันธุกรรมเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่สภาพแวดล้อม เช่น การรับประทานอาหาร เราสามารถปรับปรุงได้ โดยเลือกรับประทานอาหารให้เพียงพอ และเหมาะสมต่อความต้องการของร่างกาย ก็จะทำให้การเจริญเติบโตของร่างกายเป็นปกติ 

ภูมิต้านทานโรค

ผู้ที่ได้รับสารอาหารครบถ้วนตามความต้องการของร่างกาย จะทำให้ร่างกายสามารถสร้างภูมิคุ้มกันโรคต่างๆ ได้ หรือหากได้รับเชื้อโรค ก็สามารถฟื้นตัวได้เร็ว  ไม่แก่ก่อนวัย และอายุยืน เมื่อร่างกายมีภูมิคุ้มกันโรค ความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตก่อนวัยอันสมควรก็ลดน้อยลง

ผลต่อสติปัญญา และอารมณ์

การรู้จักเลือกรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ มีส่วนให้เกิดพัฒนาการทางด้านสมอง มีสติปัญญาที่เฉลียวฉลาด อารมณ์แจ่มใส กระตือรือร้น ปรับตัวเข้ากับสังคมได้ง่าย ผิดกับผู้ที่รับประทานอาหารไม่มีประโยชน์จะทำให้ร่างกายอ่อนแอ พัฒนาการทางด้านสติปัญญาลดน้อยลง อารมณ์หดหู่ ไม่แจ่มใส จนบางครั้งอาจไม่สามารถดำเนินชีวิตร่วมกับผู้อื่นได้อย่างปกติสุข

การบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพ

รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ทุกวัน ไม่รับประทานอาหารที่ซ้ำซาก ควรรับประทานอาหารที่หลากหลาย เพื่อให้ได้สารอาหารครบตามที่ต้องการ  รับประทานอาหารที่สะอาดและปลอดภัย เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของสิ่งที่เป็นพิษที่มีอยู่ในอาหาร ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อตัวผู้บริโภค อาหารปนเปื้อนได้จากหลายสาเหตุ คือ จากเชื้อโรค และพยาธิต่างๆ สารเคมีที่เป็นพิษหรือสารปนเปื้อน หรือโลหะหนักที่เป็นอันตราย ทั้งนี้อาจเกิดจากกระบวนการผลิต ปรุง ประกอบ และจำหน่ายอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ หรือสิ่งแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เช่น แผงลอยริมบาทวิถี การใช้สารปรุงแต่งอาหารไม่ได้มาตรฐาน การใช้สารเคมีในการถนอมอาหาร การใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชในปริมาณมาก เป็นต้น

หลักการในการเลือกกินอาหารที่สะอาด ปราศจากการปนเปื้อน ควรเลือกกินอาหารที่สด สะอาด ผลิตจากแหล่งที่เชื่อถือได้ มีเครื่องหมายรับรองคุณภาพ มีกลิ่น รส และสีสันตามธรรมชาติ ในการปรุงอาหารในครัวเรือน ควรเลือกซื้ออาหารที่สด สะอาด มาปรุง ล้างทำความสะอาด ก่อนนำไปปรุงประกอบ ใช้ภาชนะอุปกรณ์ที่สะอาดปลอดภัย ล้างเก็บถูกสุขลักษณะ มีพฤติกรรมบริโภคที่ถูกสุขลักษณะ คือ ล้างมือก่อนบริโภค ใช้ช้อนกลาง

การเลือกซื้ออาหารปรุงสำเร็จ อาหารถุง ควรเลือกซื้อจากร้านจำหน่ายอาหาร หรือแผงลอยที่ถูกสุขลักษณะ ปรุงสุกใหม่ มีการปกปิดป้องกันแมลงวัน บรรจุในภาชนะที่สะอาดปลอดภัยมีการใช้อุปกรณ์หยิบจับ หรือตักอาหารแทนการใช้มือ 

รับประทานอาหารไขมันพอเหมาะ เพื่อป้องกันการสะสมไขมันมากเกินไป   รับประทานอาหารที่มีเส้นใยอาหารอย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยระบบการขับถ่าย และลดไขมันในเลือด ควรกินใยอาหารอย่างสม่ำเสมอ ใยอาหารทำให้การขับถ่ายอุจจาระเป็นไปตามปกติ และป้องกันโรคหลายชนิดด้วย  ระมัดระวังการรับประทานอาหารที่มีสารก่อมะเร็ง เช่น อาหารประเภททอด ย่าง เผา หรืออาหารที่ไหม้เกรียม  ลดปริมาณ และระดับการรับประทานอาหารรสจัด เช่น หวานจัด เปรี้ยวจัด เค็มจัด เผ็ดจัด เพราะจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อบุทางเดินอาหาร และอาจก่อโรค เช่น โรคอ้วย โรคเบาหวาน โรคไต โรคกระเพาะ เป็นต้น  หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และน้ำอัดลม เพราะเสี่ยงต่อการเป็นโรคต่างๆ เช่น โรคตับแข็ง โรคแผลในกระเพาะอาหาร โรคมะเร็ง ฟันผุ โรคเบาหวาน เป็นต้น

สังคม



จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


ไบยังการนำทางไปยังการค้นหา


ธนาคารแห่งประเทศไทย


180px


ที่ทำการ


ไทย


273 ถนนสามเสน แขวงวัดสามพระยา เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร (วังบางขุนพรหม)


ภาพรวม


เขตอำนาจ ทั่วราชอาณาจักร


ผู้บริหาร ดร. ปรเมธี วิมลศิริ, ประธานกรรมการ


ดร.วิรไท สันติประภพ, ผู้ว่าการ


เมธี สุภาพงษ์, รองผู้ว่าการฯ ด้านเสถียรภาพการเงิน


ไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน, รองผู้ว่าการฯ ด้านบริหาร


ฤชุกร สิริโยธิน, รองผู้ว่าการฯ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน


เว็บไซต์


www.bot.or.th


ธนาคารแห่งประเทศไทย (อังกฤษ: Bank of Thailand) เป็นธนาคารกลางของประเทศไทย จัดตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2485 เปิดดำเนินการครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2485 ธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นนิติบุคคล มีฐานะเป็นหน่วยงานของรัฐที่ไม่เป็นส่วนราชการ หรือ รัฐวิสาหกิจ ตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณและกฎหมายอื่น โดยมีหน้าที่หลักในการดูแลกำกับเรื่องการเงินของชาติ ทั้งออกกฎเกณฑ์และควบคุมสถาบันการเงิน นำออกหมุนเวียนซึ่งธนบัตรไทยรวมถึงการควบคุมการถ่ายโอนเงินตราระหว่างประเทศ และเฝ้าระวังอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเทียบกับสกุลเงินตราอื่น






ธนาคารแห่งประเทศไทยจัดตั้งขึ้นหลังจากประเทศไทยได้มีธนาคารพาณิชย์ทั้งของรัฐและเอกชนเริ่มดำเนินการไปก่อนหน้านั้นแล้ว ภารกิจและหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทยเดิมซ้อนเหลื่อมอยู่กับกระทรวงการคลังและได้มีการเปลี่ยนแปลงมาเป็นลำดับหลังจากที่ระบบการเงินของโลกพัฒนาไปและมีวิกฤตเศรษฐกิจครั้งสำคัญต่างๆ






ในปี 248 เกิดสงครามโลกครั้งที่สอง สงครามและเหตุการณ์ที่เกิดจากสงครามได้เร่งรัดความจำเป็นต้องจัดตั้งธนาคารกลางขึ้นในประเทศไทย ปรีดี พนมยงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ร่วมมือกับพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิวัฒนไชย เริ่มจัดตั้งสำนักงานธนาคารชาติไทยขึ้นในปี พ.ศ. 2482 อันเป็นแนวทางไปสู่การตราพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทยในปี พ.ศ. 2485 ในสมัยที่ พลเอกเภา เพียรเลิศ บริภัณฑ์ยุทธกิจ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (พ.ศ. 2484 - 2487) ได้มีการตราพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย พุทธศักราช 2485 จัดตั้งธนาคารแห่งประเทศไทย ขึ้นเป็นองค์กรอิสระ และ จากพระราชกฤษฎีกากำหนดกิจการธนาคารแห่งประเทศไทย พุทธศักราช 2485 ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเริ่มประกอบธุรกิจได้ตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2485 เป็นต้นไป พร้อมกันนี้ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าวิวัฒนไชย เป็นผู้ว่าการธนาคารพระองค์แรก (พ.ศ. 2485 - 2489) พระองค์ได้ทรงวางระเบียบแบบแผนและดำเนินการจนธนาคารแห่งประเทศไทยได้ดำรงอยู่เป็นปึกแผ่นมั่นคงตลอดมาจนปัจจุบัน

ศิลปะ





วงล้อสี


แสงอาฑิตย์ซึ่งเป็นแสงสีขาวนั้น ประกอบไปด้วยคลื่นแสง ที่มีขนาดความยาวคลื่นต่างๆ มากมาย คลื่นแสงที่มนุษย์มองเห็นได้ มีลักษณะของสเปกตรัมสีไล่ ตั้งแต่สีแดงจนถึงสีม่วง แบบของสีว่าเป็นสีแดง เหลือง หรือ ม่วง เราเรียกว่า hue ซึ่งเราอาจกำหนดให้สีทั้งหมด เกิดจากการผสมของแม่สีคือ แดง เหลือง และ น้ำเงิน (จำเรื่องวงล้อของสีได้ไหม ?) ซึ่งตัวแม่สีนี้เราเรียก primary hues แม่สีนี้จะให้กำเนิด secondary hues ซึ่งมี ๓ สี การผสมระหว่าง primary hues กับ secondary hues ก็จะได้ tertiary hues ออกมาซึ่งมี ๖สี ดูตารางข้างล่าง จากตารางข้างบนนี้ เราจะเห็นว่ามี การผสมสี ๒ ระดับคือ


primary hues ผสมกับ primary hues ที่อยู่ติดกัน ในวงล้อสี ได้ secondary hues ๓ สี


secondary hues ผสมกับ primary hues ที่อยู่ติดกัน ในวงล้อสี ได้ tertiary hues ทั้งหมด ๖ สี ซึ่งก็จะได้ วงล้อสีใหม่ที่มี ๑๒ สี

วิทย



การเปลี่ยนสถานะของน้ำ


แม้ว่าองค์ประกอบส่วนใหญ่ของบรรยากาศจะเป็นไนโตรเจนและออกซิเจน แต่แก๊สทั้งสองชนิดไม่ได้มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ เนื่องจากมีจุดหลอมเหลวและจุดเยือกแข็งต่ำมาก อุณหภูมิของบรรยากาศและพื้นผิวโลกสูงเกินกว่าที่จะทำให้แก๊สทั้งสองชนิดเปลี่ยนสถานะได้ ยกตัวอย่าง หากจะทำให้แก๊สไนโตรเจนในอากาศเปลี่ยนสถานะเป็นของเหลว อุณหภูมิอากาศจะต้องลดต่ำลงถึง -196°C ซึ่งเป็นไปไม่ได้เนื่องจากโลกอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากเกินไป ในทางตรงข้ามแม้บรรยากาศจะมีไอน้ำอยู่เพียงเล็กน้อย ประมาณ 0.1 - 4% แต่ก็มีอิทธิพลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศได้อย่างรุนแรง เป็นเพราะว่าน้ำในอากาศสามารถเปลี่ยนสถานะกลับไปกลับมาได้ทั้งสามสถานะ เนื่องจากอุณหภูมิ ณ จุดหลอมเหลวและจุดเยือกแข็งของน้ำไม่แตกต่างกันมาก

ไอน้ำ (Vapor) คือน้ำที่อยู่ในสถานะแก๊ส ไอน้ำเป็นแก๊สที่ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น โปร่งใสมองไม่เห็น น้ำในอากาศสามารถเปลี่ยนจากสถานะหนึ่งไปสู่อีกสถานะหนึ่งกลับไปกลับมาได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาการถ่ายเทความร้อนและมวลสารจากสิ่งแวดล้อม กลไกการเปลี่ยนแปลงในลักษณะนี้เรียกว่า "กระบวนแอเดียแบติก" (Adiabatic process) การเปลี่ยนสถานะของน้ำทำให้การดูดกลืนหรือการคายความร้อนซึ่งเรียกว่า “ความร้อนแฝง” (Latent heat) ดังที่แสดงในภาพที่ 1 ความร้อนแฝงมีหน่วยวัดเป็นแคลอรี 1 แคลอรี เท่ากับปริมาณความร้อนซึ่งทำให้น้ำ 1 กรัม มีอุณหภูมิสูงขึ้น 1°C (ดังนั้นหากเราเพิ่มความร้อน 10 แคลอรี ให้กับน้ำ 1 กรัม น้ำจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น 10°C)

















ลูกเสือ



๑. เงื่อนตะกรุดเบ็ด ( Cleve Hitch )


ประโยชน์






๑. ใช้ผูกเชือกกับเสาหรือหลักเพื่อล่ามสัตว์เลี้ยงหรือเรือแพเพื่อป้องกันไม่ให้ปมเชือกคลายหลุดควรเอาปลายเชือกผูกขัดสอดกับตัวเชือก ๑ รอบ )


๒. ใช้ผูกบันไดเชือก บันไดลิง ผูกกระหวัดไม้


๓. ใช้ในการผูกแน่น เช่น ผูกประกบ ผูกกากบาท